โรคไวรัสตับอักเสบบี (HBV) เป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงที่ทำให้คนเสียชีวิตจำนวนมาก แต่เพราะ ไวรัสตับอักเสบบี อาการ ไม่รุนแรง อาจเป็นไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หรือปวดเมื่อยเท่านั้น ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัวว่าได้รับเชื้อเนื่องจากไม่ปรากฏอาการป่วยให้เห็นจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญ กว่าจะรู้ตัวก็มีอาการหนัก เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรังที่มีโอกาสลุกลามเป็นตับแข็งและมะเร็งตับในที่สุด
อาการของโรคไวรัสตับอักเสบบี แบ่งออกเป็นระยะเฉียบพลันและระยะเรื้อรัง ดังนี้
-ระยะเฉียบพลัน โดยปกติผู้ป่วยเริ่มพบอาการป่วยเล็กน้อยช่วง 1-3 เดือน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนผู้ป่วยส่วนใหญ่หายเองได้ จากนั้นร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานป้องกันไม่ให้เกิดโรคอีก อาการป่วยขึ้นอยู่กับระดับการอักเสบของตับ เริ่มจากอ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร เป็นผื่น มีไข้ ปวดเมื่อย ปวดข้อ ตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดท้อง ปัสสาวะเหลืองเข้ม ผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการอาจแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้
-ระยะเรื้อรัง หากผู้ป่วยไม่หายเองหรือกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้ไม่หมดภายในเวลา 6 เดือน มีการติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบบี อาการ เรื้อรังและเกิดภาวะแทรกซ้อนจะสังเกตเห็นความผิดปกติดังนี้ ตาเหลือง ตัวเหลือง ท้องโต เลือดออกในทางเดินอาหาร มีอาการซึมไม่รู้สึกตัว เนื่องจากเกิดพังผืดที่ตับ เป็นตับแข็งและมะเร็งตับ
สิ่งที่น่าวิตกคือผู้ป่วยบางรายอาการไม่ชัดเจน ลักษณะอาการคล้ายกับเป็นไข้หวัดธรรมดา หากพบว่าตนเองมีความเสี่ยง หรือมีอาการผิดปกติน่าสงสัย ควรไปพบแพทย์ที่ โรง พยาบาล พระราม 4 เพื่อตรวจเลือดในเบื้องต้น หากได้รับการวินิจฉัยแล้วว่าอาจเป็นโรคไวรัสตับอักเสบระยะเรื้อรังอาจต้องเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อตับไปตรวจและรับการรักษาในทันทีเพื่อป้องกันการเกิดโรคตับรุนแรง
สาเหตุของโรคไวรัสตับอักเสบบี
โรคไวรัสตับอักเสบบีเกิดจากการติดเชื้อไวรัสผ่านสารคัดหลั่งในร่างกาย เช่น เลือด และน้ำอสุจิ หากผู้ไม่มีภูมิต้านทานจะติดเชื้อได้ง่าย โอกาสเสี่ยงมี 4 ช่องทาง ดังนี้
1.ถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก พบบ่อยในเด็กที่ติดเชื้อระหว่างคลอด หากแม่รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย ต้องฉีด วัคซีน ไวรัส ตับ อักเสบ บี ให้ทารกตั้งแต่แรกคลอด หลังฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้เกือบ 100%
2.ติดต่อทางเลือด ผู้ป่วยได้รับเชื้อจากเลือดของผู้ที่เป็นพาหะของโรคนี้
3.ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ มีโอกาสติดโรคไวรัสตับอักเสบบี 30%-50%
4.ติดเชื้อจากอุปกรณ์ที่ปนเปื้อนเลือดและสารคัดหลั่งผู้อื่น เช่น เข็มฉีดยา มีดโกนหนวด แปรงสีฟัน ที่ตัดเล็บ และการสักลาย เป็นต้น
วิธีป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
โรง พยาบาล พระราม 4 แนะนำให้ตรวจเลือดและตรวจเช็คตับตามโปรแกรม ตรวจ สุขภาพ ประ จํา ปี แม้ไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังในปัจจุบันรักษาได้ทั้งยาฉีดและยารับประทาน แต่ถ้ารู้เท่าทันโรค ไม่เพียงเสียค่าใช้จ่ายรวมทั้งใช้ระยะเวลาการรักษาน้อยลงเท่านั้น แต่การป้องกันไม่ให้เจ็บป่วยยังเป็นวิธีที่ดีที่สุด แนะนำให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่เด็กแรกเกิดจะมีประสิทธิภาพที่สุด ฉีดวัคซีนให้ครบชุดจำนวน 3 เข็ม เพื่อกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานขึ้นในร่างกายช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ตลอดชีวิต ส่วนเด็กโตและผู้ใหญ่ทั่วไปมีภูมิต้านทานตามธรรมชาติแล้วไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน เว้นแต่ร่างกายไม่แข็งแรงอาจมีภูมิต้านทานบกพร่องในอนาคต หรือผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคหรือเป็นพาหะควรตรวจเลือดก่อนฉีดวัคซีน ข้อสำคัญคือการดูแลร่างกายให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เสริมสร้างภูมิต้านทานโรคด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่กังวลหรือเครียดจนเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอ สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่นที่มีโอกาสเสี่ยงปนเปื้อนเลือดและสารคัดหลั่งต่างๆ ป้องกันความเสี่ยงติดเชื้อได้
สำหรับใครก็ตามที่กำลังหาข้อมูลว่าควร
ตรวจสุขภาพ ที่ไหนดี สามารถเข้าไปดู
โรงพยาบาล แถว พระราม 4 อย่าง medpark hospital เพิ่มเติมได้ที่นี่เลย
https://medthai.com/?pid=44298